วันนี้ เราเดินทางไปในย่านฮิกาชิยามา (Higashiyama Area) อีกครั้ง โดยเป้าหมายแรกที่ไปคือ วัดคิโยมิซึ (Kiyomizu Temple) หรือที่คนไทยเรียกว่า วัดน้ำใส จุดเด่นของวัดนี้คือแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สายที่ไหลมาบรรจบกัน มีความเชื่อว่า ผู้ที่ได้ดื่มแม่น้ำแต่ละสายก็จะได้พรประเสริฐแตกต่างกันไป ได้แก่ สุขภาพดีมีอายุยืนยาว ประสบความสำเร็จในการศึกษา และสมหวังในความรัก แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องเลือกดื่มเพียงสายเดียวเท่านั้น นัยว่า ชีวิตคนเราจะต้องได้อย่างเสียอย่าง ไม่มีอะไรครบสมบูรณ์ไปทั้งหมดนั่นเอง
จากสถานีเกียวโต สามารถนั่งรถบัสสาย 100 และสาย 206 ลงที่ป้าย Gojozaka ใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที จากนั้นจะต้องเดินขึ้นเนินชันที่มีชื่อว่า นันเซนซากะ (Sannenzaka slope) ซึ่งจะมีร้านขายของฝากละลานตาไปหมด ที่ป้ายรถเมล์แถว ๆ ที่พัก เจอเด็ก ๆ มาเข้าแถวรอขึ้นรถไปโรงเรียนกัน...นึกถึงการตูนญี่ปุ่นสมัยเด็ก ๆ อีกแล้ว |
Sannenzaka slope ยามเช้าตรู่ ร้านรวงยังไม่เปิดกันเลย |
เมื่อไปถึงลานหน้าวัดคิโยมิซึ ก็เจอเด็กนักเรียนมาถ่ายรูปหมู่กันครึกครื้นทีเดียว |
สู้ต๊ายคร๊า!!! |
ซุ้มประตูหน้าวัดคิโยมิซึ |
เจดีย์ 3 ชั้น ภายในวัดคิโยมิซึ |
ศาลาไม้ที่สร้างขึ้นบนเนินเขาของวัดคิโยมิซึ |
ใบเมเปิ้ลสีแดงโอบล้อมศาลาวัดบนหน้าผา |
สำรวจทางเดินรอบ ๆ |
มุมคลาสสิก...ภาพของศาลาสูง 13 เมตร ที่สร้างจากไม้ล้วน ๆ และมองเห็น Kyoto Tower อยู่ลิบ ๆ |
แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สาย |
คุณพี่ฝรั่งหล่อขโมยซีนซะงั้น!! |
ของฝากประจำเมืองเกียวโต…นามา ยาซึฮาชิ (Nama Yatsuhashi) ทำจากแป้ง น้ำตาลและชินนามอน มีทั้งแบบมีไส้และไม่มีไส้ ไส้ก็มีหลากหลายเช่น ถั่วแดง เกาลัด สตรอเบอรี่ ฯลฯ |
เส้นทางที่แยกออกมาจาก Sannenzaka slope เชื่อมต่อไปยังวัดโคไดจิ (Kodaiji Temple) และสวนมารุยามะ (Maruyama park) |
สาวเกอิชาหรือสาวไมโกะ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโต |
ความแตกต่างระหว่างเกอิชากับไมโกะ ที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือดูจากการทาปาก โดยเกอิชาจะทาปากทั้งริมฝีปากบนและริมฝีปากล่าง ส่วนไมโกะที่เฉพาะริมฝีปากล่างเท่านั้น
มุมเก่า ๆ โบราณ ที่พบได้ในซอยนี้ |
ไม่ว่าพื้นที่หน้าบ้านจะน้อยนิดแค่ไหน ชาวญี่ปุ่นก็สามารถออกแบบให้สวยงามลงตัวได้ |
อ้าว...เนียน |
เณรน้อยถือป้ายอะไร อ่านไม่รู้เรื่องเลย รู้แต่ว่า...น่ารัก |
เมื่อเดินมาจนสุดทาง แล้วมองย้อนกลับไปจึงเห็นภาพนี้
|
วัดโคไดจิ (Kodaiji Temple) |
ส่วนนี้จะอยู่บริเวณทางเข้า |
สวนญี่ปุ่น |
หินกรวดเล็ก ๆ ที่เปรียบเหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านโขดหิน |
นี่ล่ะ ลานหินกรวดที่แสดงถึงมหาสมุทรกว้างใหญ่ ที่ถาโถมมานั่น...ใช่สึนามิรึเปล่า? |
นักท่องเที่ยวนั่งดูวิวจากศาลาใหญ่ของวัดที่เรียกว่า โฮโจ (Hojo) |
เลี้ยวมาอีกด้านหนึ่งของ Hojo |
ภาพ Hojo หากมองจากภาคพื้นดิน (เพียงเดินลงกระไดมา) |
สวนสไตล์ Tsukiyama จะต้องมีเนินเขาที่ก่อขึ้นมาเอง บ่อน้ำ และก้อนหินประดับประดา |
สวนนี้สวยทั้งในฤดูใบไม้ร่วง และฤดูใบไม้ผลิ (ต้องรอเก็บตังค์มาดูอีกรอบล่ะสิเนี่ย) |
สามารถเดินขึ้นเขาไปได้อีก |
เดินทะลุกำแพงมาแล้ว |
มีส่วนที่จัดแสดงบ้านญี่ปุ่นโบราณ |
ใช่ห้องครัวรึเปล่า |
หลังบ้าน |
ซอยเชื่อมต่อไปยังย่านกิออน (Gion) ลองเลี้ยวเข้าไปดูกัน |
แนวบ้านโบราณ รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเห็นภาพโปรโมทแบบนี้ที่ Kansai Airport ด้วย |
ไอเดียตกแต่งหน้าบ้านเก๋ ๆ อีกแล้ว |
จุ๋มจิ๋มน่ารักจังเลย...ขออยู่ด้วยได้ไหม |
ออกมาที่ถนนใหญ่ ก็ได้เจอสาวไมโกะอีกแล้ว |
คุณพี่ท่านนี้ ตวัดพู่กันสร้างสรรค์งานศิลปะอยู่ริมถนน |
หลังจากเดินลดเลี้ยวไปมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเราก็มาทะลุที่หน้าศาลเจ้ายาสะกะ (Yasaka Shrine) |
ศาลเจ้ายาสะกะ มีฉายาเรียกอีกอย่างว่า กิออน ซัง (Gion San) เพราะ อยู่ในย่านกิออน เป็นศาลเจ้าที่โด่งดังที่สุดในเกียวโต สร้างขึ้นมานานกว่า 1,350 แล้ว...อู่หู้!!!
ความโดดเด่นของศาลเจ้ายาสะกะคือ โคมไฟจำนวนมากที่แขวนอยู่รอบศาลเจ้าซึ่งมาจากเหล่าผู้บริจาคนั่นเอง |
โคมไฟจารึกชื่อผู้บริจาคเอาไว้
|
หลังศาลเจ้ายาสะกะ คือ สวนสาธารณะประจำเมืองเกียวโต ชื่อว่า สวนมารุยามะ (Maruyama Park)
บรรยากาศในสวนมารุยามะ |
รูปปั้นบุคคลสำคัญ 2 ท่าน ได้แก่ ซากาโมโต เรียวมะ (Sakamoto Ryoma) และ นากะโอกะ ชินทาโร่ (Nagaoka Shintaro) พี่น้องร่วมสาบานของเค้า |
ใบไม้เปลี่ยนสีภายในสวนมารุยามะ |
สบายเลยนะเรา…เจ้าเป็ดเกียวโต |
เดินถัดจากสวนมารุยามะมาอีกหน่อย ยังมีวัดที่น่าสนใจอีกวัดนึง คือ วัดจิออนอิน (Chion-in Temple) ความสำคัญ ค่าเข้าชม 500 yen เปิดตั้งแต่ 9.00 – 16.30 น. นอกจากนี้วัดนี้ยังมีสวนญี่ปุ่นสุดสวย ที่ชื่อว่า สวนโฮโจ และ สวนยูเซน (Hojo & Yuzen Garden) ซึ่งจะต้องเสียค่าเข้าชมแยกต่างหาก และในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ยังมีการ light up ในตอนกลางคืนด้วย
ประตูทางเข้ายิ่งใหญ่มากค่ะ |
กระถางธูปก็ใหญ่ |
ใบไม้เปลี่ยนสีภายในวัดจิออนอิน (Chion-in Temple) |
ถัดจากลานกว้างในชั้นแรก ยังมีบันไดขึ้นสู่เนินเขาต่อไปอีก |
บริเวณวัดจิออนอิน (Chionin Temple) บนเนินเขาชั้นที่สอง |
สุสานในวัดจิออนอิน |
ขากลับ เจอน้องหมามาเป็นเพื่อนกับคุณยาย...หน้าเหมือนใน poster เลย |
สุดท้ายสำหรับวันนี้ มาหาข้าวเย็นกินแถวสถานีเกียวโต พบกับสาวเกอิชาที่สวยที่สุดเท่าที่ได้เจอมา มีสายสะพายด้วย คงจะเป็น Miss อะไรซักอย่าง
|
คืนนี้ หอคอยเกียวโต light up เป็นสีม่วง แปลกตาไปอีกแบบ |
พรุ่งนี้ จะเป็นวันที่ต้องอำลาเกียวโตแล้วสินะ เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ...
No comments:
Post a Comment