Monday, June 20, 2011

Day 1: Kyoto..ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ วัดโทฟุคุจิ

ความเดิมตอนที่แล้ว ค้างไว้ที่ "การใช้งานของ Kyoto City Bus 1 day Pass" ใช่มั้ยคะ
งั้น ไปต่อกันเลยค่ะ
รถบัสเมืองเกียวโต จะขึ้นทางประตูหลัง แล้วลงทางประตูหน้า
ไม่มีกระเป๋ารถ เพราะเราจะเดินไปหยอดตังค์ที่เครื่อง slot machine ด้านหน้ารถก่อนจะลงนั่นเองค่ะ

ค่ารถก็ออกเป็น 2 ประเภท 

1. ประเภท Flat rate นั่นคือ ราคาเดียว 220 yen จอดได้ทุกป้าย (ฟังดูคล้าย ๆ 30 บาท รักษาทุกโรคแฮะ) สำหรับเด็ก 6-12 ขวบ ลดครึ่งราคาเหลือ 110 yen สังเกตได้จาก Bus No. จะเป็นตัวเลขสีขาว พื้นหลังสีน้ำเงินหรือส้ม

2. ประเภท Non-Flat rate ราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทาง และป้าย Bus No. จะเป็นตัวเลขสีดำ พื้นสีขาว แบบนี้ค่ะ
แล้วถ้าเรามีบัตร Kyoto City Bus 1 day Pass จะทำยังไงล่ะคะ ?
ก็ไปตอกบัตรที่เครื่อง slot machine เครื่องเดียวกันนี่แหละค่ะ เฉพาะตอนขึ้นเที่ยวแรกเท่านั้นนะคะ เมื่อตอกแล้วเครื่องจะแสตมป์วันที่ที่เราเริ่มใช้งานออกมา จากนั้นเราจะขึ้นลง ๆ รถอีกกี่สาย กี่รอบก็ได้ภายใน 1 วัน ก่อนลงจากรถ ก็โชว์วันที่ให้คุณพี่คนขับเค้าดูหน่อย ก็เรียบร้อยค่ะ
บัตรนี้ใช้ได้ทั้ง รถบัสประเภท Flat rate และ Non-Flat rate นะคะ ต่างกันนิดเดียวตรงที่ว่า ถ้าเป็นแบบ Non-Flat rate นี่ ถ้าระยะทางไกลมาก ๆ อาจต้องจ่ายเงินเพิ่มต่างหากค่ะ

ช่องสีเขียวแจ่มกว่าเพื่อน คือช่องที่ใช้ตอกบัตร และเราจะได้แสตมป์วันที่ข้างหลังบัตรแบบนี้ค่ะ
เอาล่ะ ซื้อตั๋วเสร็จแล้ว เดินทางต่อได้... เป้าหมายต่อไป "เก็บกระเป๋าที่โรงแรม"
เมื่อออกจากสถานีเกียวโต ก็เจอสิ่งนี้ตรงหน้า กราบสวัสดีคร๊าาาบบบบ...Kyoto Tower

และแล้ว...ก็เริ่มออกเดินไปพร้อมกับมหาชนชาวเกียวโต
 มาตรว่าอีก 15-20 นาทีจะถึงโรงแรมที่จองไว้ นามว่า "Ryokan Ohto"


ลากกระเป๋าแกรก ๆ ข้ามแม่น้ำ Kamo แม่น้ำสายหลักของเมืองเกียวโต

ข้ามสี่แยกอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว Ryokan Ohto เย้ ๆ
ทว่า หารู้ไม่ ข่าวร้ายกำลังรออยู่...เหอ ๆ (-_-!)
.........
ข่าวร้ายที่ว่านั่นก็คือ.. ทางโรงแรมได้ Book ห้องไว้ให้เราคลาดเคลื่อนไป 1 วัน! เท่ากับว่า...คืนแรกนี้เราจะไม่ได้นอนห้องที่จองเอาไว้ ไม่น๊าาาาาาาาาาา!!!!!!
พนักงานก็ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ พร้อมยอมรับผิดแต่โดยดี (เพื่อน ๆ ที่จองโรงแรมผ่าน net ต้องนำหลักฐานการจองติดตัวไปด้วยเสมอนะคะ เผื่อผิดพลาดทางเทคนิคยังไง ก็ยังมีเอกสารยืนยันกับเค้าได้) เคราะห์ดีที่ยังมีห้องเหลืออยู่ ไม่งั้นล่ะก้อ...ไม่รู้ล่ะ ทางโรงแรมจะต้องรับผิดชอบชีวิตอิชั้นสำหรับคืนนี้ให้จงได้!!! ไม่ยอมคร่า... ไม่ย๊อมมมมม!!!

ตีโพยตีพายได้พักใหญ่ สุดท้ายก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรม ไปดูหน้าตาห้องที่จะได้นอนคืนนี้กันดีกว่าค่ะ เป็นห้องเดียวที่เหลืออยู่ ณ ขณะนั้น
นี่คงจะเป็นห้องขนาด SSSS สำหรับคนเดียว (แต่ว่าคณะเดี๊ยนไปกันสองคนนี่สิ!) ดูซิ ถึงขั้นต้องปูฟูกเกยกันเลย 
อีกมุม..จะเห็นว่า เปิดประตูบานเลื่อนเข้ามาปุ๊ป ม้วนตัวลงฟูกไปได้เรยยยย
ห้องนี้ ราคา 4,400 yen ค่ะ ต้องใช้ห้องน้ำรวม แต่ที่จองไปนั้น เป็นห้องสำหรับ 2 คน มีห้องน้ำในตัว ราคา 8,400 yen ทางโรงแรมคืนเงินส่วนต่างให้ แล้วพนักงานก็โก้งโค้งขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า หญิงไทยใจดีเห็นดังนั้น ก็ให้อภัยโดยง่ายดาย ไหน ๆ ทั้งทริปก็จะต้องนอนที่นี่อยู่แล้ว จะมีเรื่องกันไปไย...

คืนแรก...ถึงแม้จะอัตคัตหน่อย แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะคะ
ซึ้งเลย...ว่าการอยู่ในประเทศที่ราคาที่ดินแพงลิบลิ่วนั้น เป็นยังไง...

เอาล่ะ กว่าจะเก็บกระเป๋าเสร็จ เวลาก็ล่วงไป บ่ายสองกว่า ๆ แล้ว ออกไปเที่ยวดีกว่า ใกล้จะได้ยลโฉมเต็ม ๆ ตาแล้ว...ใบไม้สีแดง...^_^

ว่าแล้วก็บ่ายหน้าลงสู่ทิศใต้ของเกียวโต ป้ายแรก...ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi-inari Shrine) ศาลเจ้าศาสนาชินโตที่มีเสาประตูโทริอิ (Torii) สีแดงเต็มพรืดไปหมด ซึ่งมาจากการบริจาคโดยผู้คนหรือห้างร้านที่มาสักการะสถานที่แห่งนี้ เพื่อความโชคดี
เดินทางด้วยรถไฟ JR ลงที่สถานี Inari
ถ้าเป็นรถไฟท้องถิ่นสาย Keihan Line ลงที่สถานี Fushimi inari ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ
ปากทางเข้าสู่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เห็นเสาโทริอิอยู่ไหว ๆ
ร้านรวงของกิน ของที่ระลึก จัดไป
อุ๊ยนั่นไง สาวน้อยในชุดกิโมโน
แฮ่ะ ๆ พอไหวมััยคะ นิราศเกียวโตของเดี๊ยน


ใบไม้เหลืองสลับแดง...นี่แค่เพียงเริ่มต้น

ก่อนจะเข้าสู่ศาลเจ้า (ไม่ว่าที่ไหน ๆ) ต้องล้างมือ บ้วนปาก ชำระกายใจให้บริสุทธิซะก่อน
เจอคุณพี่ท่านนี้นั่งแยกเขี๊ยวอยู่ปากประตูทางเข้า
สำหรับศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ จะมีสุนัขจิ้งจอกเป็นองค์รักษ์พิทักษ์ศาลเจ้า ว่ากันว่า ยังทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารไปยังเทพเจ้าอีกด้วย
เทพเจ้าในศาสนาชินโต จะเรียกกันว่า เทพเจ้าคามิ (Kami) เป็นเสมือนหนึ่งตัวแทนของธรรมชาติ ป่าเขา สายลม แสงแดด ไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร (สำหรับพี่ไทยอาจจะเรียกว่า เจ้าป่าเจ้าเขา) กำเนิดจากวิญญาณของบรรพบุรุษที่ยังคอยเวียนวนปกป้องลูกหลาน แต่ถ้าลูกหลานไม่เคารพ หรือทำอะไรที่เป็นการดูหมิ่น เทพเจ้าคามิ ก็อาจจะพิโรธแผลงฤทธิ ก่อให้เกิดภัยพิบัตินานา
นี่ไงคะ ซุ๊มเสาโทริอิ (Torii) ยาวขึ้นไปบนยอดเขาโน่นแหละค่ะ เดินได้เป็นชั่วโมงเลย
คราวนี้เจอสาวใหญ่ใส่กิโมโนบ้าง เข้าบรรยากาศดีจัง 
ตัวอักษรที่เขียนอยู่ตามเสา เป็นชื่อของผู้บริจาคค่ะ ราคาเสาแต่ละต้นจะเริ่มต้นที่ราว ๆ 400,000 ถึง 1,000,000 yen ขึ้นอยู่กับขนาด....โอ้หม่ายก๊อดดดดดดด!!!!!
ขนาดกระจุ๋มกระจิ๋มก็มี แล้วแต่กำลังทรัพย์ และกำลังศรัทธา
เขียนคำอธิฐานลงบนแผ่นไม้รูปหน้าจิ้งจอก ที่แบบ original จะมีแค่ขีด 2 ขีดบนหน้าเท่านั้น
แล้วจากนั้น...ก็จะมีพัฒนาการอย่างที่เห็นนี่แหล่ะค่า ^.^
มัวแต่เพลินกับเสาแดง แล้วไหนล่ะใบไม้แดง?? ที่นี่ไม่ค่อยเจอเท่าไร เราลองไปดูอีกแห่งนึงดีกว่า...

วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji) วัดนิกายเซนที่ขึ้นชื่อว่า มีสวนสวยงามนักในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี... 
นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Tofukuji เสียค่าเข้าชม 400 yen (เฉพาะส่วนของ สะพาน ซึเท็นเคียว (Tsutenkyo Brige) และ วิหารไคซังโดะ (Kaisando Hall) นะคะ) ถ้าอยากดูแบบ full option คือรวมส่วนของ ตึกโฮโจ (Hojo) และสวนโดยรอบ ราคาจะเป็น 800 yen ค่ะ เปิดตั้งแต่ 9.00-16.00 (เฉพาะในเดือนพฤษจิกายน จะเปิดถึง16.30 ค่ะ)

ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไปเที่ยวศาลเจ้ามักจะไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู แต่ถ้าเป็นวัด จะตรงกันข้ามค่ะ

ลงรถไฟมาก็เจอภาพนี้ ผู้คนกำลังมุ่งหน้าไปดูใบไม้แดงกันแน่ ๆ เลย

โอ้วว ยิ่งเดิน..คนก็ยิ่งเยอะ คนที่สวนกลับออกมาก็มาก เพราะบ่ายสามจะครึ่งแล้ว วัดปิด 16.30

เริ่มมีสีแดงแพลม ๆ มาแล้ววว
เมืองหน้าด่านยังเพียงนี้ แล้วราชธานีจะเพียงไหน

ถึงแล้ว...ดงใบไม้แดงแห่งวัดโทฟุคุจิ ที่เห็นไกล ๆ คือสะพาน Tsutenkyo สร้างไว้เพื่อชมใบไม้แดงโดยเฉพาะค่ะ
(มุมคลาสสิกที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปตรงนี้ เดี๊ยนก็ต้องไม่พลาดค่ะ ฮิ ๆ)
ใบไม้เริ่มร่วงไปบ้างเหมือนกัน แต่สำหรับหญิงไทยผู้ที่พึ่งจะได้สัมผัสบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีเป็นครั้งแรกอย่างดิฉัน ก้อ..รู้สึกสุขใจไม่น้อยค่ะ ขนาดคนญี่ปุ่นที่ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนทุกปี ยังตื่นเต้นแห่แหนกันมาดูเลย ทุกคนดูมีความสุข ดิฉันเองก็รู้สึกมีอารมณ์ร่วมอย่างบอกไม่ถูก
ว่าแล้ว.. เดินดูรอบ ๆ กันต่อดีกว่า
วัดโทฟุคุจิ...มุมนี้
วัดโทฟุคุจิ...มุมนั้น

วัดโทฟุคุจิ...มุมโน้น
วัดโทฟุคุจิ...มุมสูง
วัดโทฟุคุจิ...มุม..คนเยอะ
วัดโทฟุคุจิ...มุมใครมุมมัน

วัดโทฟุคุจิ...มุมนี้แหละ...แชะ!

และแล้วก็ถึงทางออก 16.30 น. พอดี เจ้าหน้าที่ยืนดูแลความเรียบร้อย
กลับบ้านกันดี ๆ นะคร๊าบบบบ ทุกคนนนนน
วันแรกในเกียวโตของดิฉัน ก็คงจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เดินทางมาด้วยกันทั้งวัน
........
พรุ่งนี้ค่อยเจอกันค่ะ ^_^

1 comment:

  1. ทิ้งท้ายให้ติดตามต่อ
    แล้วเมื่อไหร่จะมาเขียนต่อล่ะ จีนุชชชชช

    ReplyDelete