Sunday, June 19, 2011

Day 1: Kyoto เมืองเก่าของเขาแต่ก่อน


เนื่องด้วยเป็นครั้งแรกของการหลบหนีออกนอกประเทศ อุ้ยไม่ใช่! ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง จึงขอเอา "ง่ายเข้าว่า" ไว้ก่อน ดังนั้น จึงเลือกเที่ยวในวงแคบ ๆ คือ เน้นเจาะลึกเมืองหลวงเก่าเกียวโต เพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า "เกียวโต...รอบเดียวไม่เคยพอ" (แต่ว่า ก็มีโฉบออกไป นารา วันนึงล่ะค่ะ)


ดิฉันออกเดินทางประมาณช่วงสัปดาห์สุดท้าย ของเดือนพฤศจิกายน 2010 เป้าหมาย คือ สีสันของใบไม้แดง และความสวยงามของปราสาทเก่า ศาลเจ้า และวัดโบราณ การเดินทางทั้งหมด 6 คืน 7 วันค่า


Kyoto แปลว่า "เมืองหลวง" ซึ่งก็เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 794 จนกระทั่งถึงปี 1868 โน่นล่ะค่ะ จากนั้น เมืองหลวงก็ถูกย้ายทำเลมายังดินแดนแห่งใหม่ที่เรียกว่า เอโดะ (Edo) ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Tokyo แปลว่า "เมืองหลวงทางตะวันออก" ที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้จักกันดีนั่นแหละค่า


ว่าแล้วก็ ออกเดินทางกันเรยยยยย

พูดไปไวเหมือนโกหก ถึงแล้ว...สนามบินนานาชาติ Kaisai Airport เมืองโอซากา
จากนั้นมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองเกียวโต ด้วยรถไฟ JR สาย Limited Express Haruka ด้วยการค้นหาจาก website http://www.hyperdia.com/ ดังนี้ค่ะ
สังเกตดูนะคะ ใช้เวลาเดินทางจาก Kansai Airport ไปยัง Kyoto ทั้งหมด 75 นาที ราคา 3,490 yen ดิฉันจึงขอแนะนำทางเลือกนี้ค่ะ


เราจะซื้อบัตร JR West Rail Pass 1 day ที่ราคา 2,000 yen เพื่อขึ้นรถไฟขบวนนี้กันค่ะ ถูกกว่าใช่มั้ยล่ะคะ


JR West Rail Pass คือบัตรเหมาจ่ายที่ใช้เฉพาะในเขตภาคตะวันตกของญี่ปุ่น แบ่งออก เป็น 2 เขตคือ


1. Kansai Area Pass จะใช้ได้กับรถเร็วจาก Kansai Airport ไปยังเมืองโอซากา โกเบ เกียวโต นารา และ ฮิเมจิ ยกเว้นรถด่วนพิเศษชินคันเซ็นหรือรถด่วนขบวนอื่น ๆ ซึ่ง Kansai Area Pass จะมีขายในญี่ปุ่นเฉพาะ แบบ 1 day เท่านั้นนะคะ ถ้าเป็นแบบอื่น ต้องซื้อนอกประเทศญี่ปุ่นค่ะ


2. Sanyo Area Pass ใช้ได้กับรถไฟ JR ทุกสาขา รวมถึงรถด่วนชินคันเซ็น สายซันโย ขบวนโนโซมิ และรถด่วนจาก Kansai Airport เข้าเมืองโอซากา ต่อไปถึงโอกายาม่า ฮิโรชิมา และฟุคุโอกะได้

 JR WEST RAIL PASS
TypeKansai Area Pass Sanyo Area Pass
AdultsAdults
1-day¥ 2,000
2-day¥ 4,000
3-day¥ 5,000
4-day¥ 6,000¥ 20,000
8-day¥ 30,000



ดูรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ www.westjr.co.jp/english/global.html
หรือจะสอบถามที่องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็ได้นะคะ

ในการซื้อบัตร JR West Rail Pass 1 day ต้องเตรียม Passport ไปด้วยนะคะ ติดต่อที่จุดขายบัตรรถไฟ JR ที่สนามบินคันไซได้เลยค่ะ

หน้าตาของบัตร JR West Rail Pass 1 day
เพียงแค่โชว์บัตรนี้ให้เจ้าหน้าที่ดูก็ผ่านฉลุยแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรมาก ยิ้มหวาน ๆ ก็พอ
ป้ายบอกบนรถไฟว่า "รถไฟขบวนนี้มุ่งหน้าสู่ปลายทางสถานี เกียวโต ขอรับ" 
ในญี่ปุ่นนี่ ทั้งรถไฟและรถบัสจะมีตัววิ่งบอกตลอดว่าถึงสถานีอะไร และสถานีต่อไปคืออะไร ถ้ามองไม่เห็นป้าย ก็ยังมีเสียงประกาศให้ได้ยิน บางครั้งอาจจะเป็น soundtrack (ญี่ปุ่น) ล้วน ๆ แต่ถ้าพอจับ Keyword (ชื่อสถานีที่เราจะไป) ได้ ก็โอเคล่ะค่ะ ขนาดป้ายรถเมล์ยังมีชื่อป้ายเลย นับว่าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นระดับปลายหางอึ่งอย่างดิฉันได้มากทีเดียว ^_^
ถึงแล้วสถานี Kyoto ผู้คนรีบร้อนไปไหนกันล่ะนี่.........ก้อขึ้นรถไฟน่ะซี..ถามได้..
คนขวักไขว่ทีเดียว
ความยิ่งใหญ่ของสถานีเกียวโต ว่ากันว่า สูงถึง 12 ชั้น
เมื่อกลับหลังหัน จะพบห้างใหญ่ ห้างดัง ผนึกกำลังขนาบข้าง ...อืม อลังได้อีก
 เที่ยงกว่าแล้ว หาอะไรรองท้องดีกว่า... นี่ล่ะมื้อแรกในเกียวโต
เมื่ออิ่มท้องแล้ว เป้าหมายต่อไป คือ Tourist Information Center ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของสถานีเกียวโตค่ะ จุดประสงค์เพื่อซื้อตั๋วเหมาจ่ายสำหรับการเดินทางในเมืองเกียวโตค่ะ มีตัวเลือกดังนี้ค่ะ

1. Kyoto City Buses 1 day Pass ราคา 500 yen ใช้สำหรับขึ้นรถบัสในเมืองเกียวโตได้ทุกสายไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ภายใน 1 วัน (เด็ก 250 yen)
2. Kyoto Subway 1 day Pass ราคา 600 yen ใช้สำหรับขึ้นรถไฟใต้ดิน ซึ่งมีอยู่ 2 สาย ได้แก่ Karasuma Line และ Tozai Line ได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ภายใน 1 วัน (เด็ก 300 yen)
3. Kyoto Sightseeing Card ราคา 1,200 yen สำหรับ 1 วัน และ 2,000 yen สำหรับ 2 วัน โดยใช้ได้กับรถบัสทุกสายและรถไฟใต้ดินทั้ง 2 สายค่ะ

ดิฉันเลือกข้อ 1 ค่ะ ซื้อตุนไว้ก่อน 2 ใบ เก็บไว้ได้จนกว่าจะเริ่มใช้นั่นแหละค่ะ เพราะจากตำราหลายเล่ม บอกว่ารถบัสนั้น เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวของเกียวโตได้ดีที่สุด สำหรับทริปนี้ ดิฉันวางแผนที่จะเดินทางด้วยรถบัสและรถไฟท้องถิ่นของเกียวโตค่ะ ก็หลัก ๆ เที่ยวอยู่ในเกียวโตนี่คะ ฮี่ ๆ
สำหรับท่านที่พกบัตร JR Rail Pass อย่าลืมนะคะ ใช้ได้กับ รถไฟ JR หรือ รถบัส JR เท่านั้น
ตั๋ว Kyoto City Buses 1 day Pass
เอาล่ะค่ะ เดี๋ยวเรามาดูกันตอนหน้า ว่าเจ้าตั๋วนี่ใช้งานยังไง

No comments:

Post a Comment