วันที่สาม เดินทางไปเที่ยวเมืองนาระ เมืองเก่าแก่อีกเมืองนึง ที่เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่และโบราณสถาน นั่งรถไฟ JR จากสถานีเกียวโตถึงเมืองนารา ใช้เวลาประมาณ 44 นาที ค่ารถอยู่ที่ 690 yen
หรือจะเป็นรถไฟท้องถิ่นของเกียวโตสาย Kintetsu ไปลงที่สถานี Kintetsu Nara ราคา 610 yen ก็ได้
ดังนั้น จึงเดินทางไปตั้งต้นที่สถานีเกียวโตตามเคย ดูบรรยากาศในเช้าวันจันทร์ของเมืองเกียวโตกันบ้างดีกว่า
|
เริ่มจากแยกไฟแดงใกล้ ๆ ที่พัก พบเห็นคนทำงานและนักเรียนนักศึกษา |
เป็นเช้าที่ค่อนข้างครึ้มทีเดียว หลายคนถือร่มติดไม้ติดมือกันมาพร้อม
|
บริเวณหน้าสถานีเกียวโต มีนักธุรกิจใส่สูทเดินกันออกมาพอสมควร |
รู้สึกตื่นเต้นนิด ๆ เพราะไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ในเมืองไทย ชวนให้นึกถึงนายญี่ปุ่นที่กรุงเทพ เวลาที่เค้ากลับไปทำงานที่ญี่ปุ่น ช่วงที่อากาศเย็น ๆ ก็คงจะแต่งตัวแนว ๆ นี้เหมือนกันมั้ง (อยากเห็นมาดของนายตัวเองในชุดหน้าหนาวน่ะค่ะ ฮิฮิ)
|
บนรถไฟสาย Kintetsu มุ่งหน้าสู่เมืองนาระ ต่างคนต่างก็มีโลกส่วนตัว เหมือน ๆ กะบ้านเรา |
คนไม่เยอะเท่าไร คิดว่า เพราะเป็นเรากำลังเดินทางออกนอกเมือง ในขณะที่คนอื่น ๆ มุ่งหน้าเข้าเมืองกัน
เมื่อถึงสถานีนาระ ต้องเดินต่ออีกประมาณ 20-30 นาที จะถึงสวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมืองนาระ (Nara Park) ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และจุดเด่นที่ขาดไม่ได้ก็คือ น้องกวาง...
|
ถึงแล้วเมืองนาระ เจอน้องกวางเยอะ ๆ หยั่งงี้ ไม่ผิดแน่ |
แต่ถ้าไม่อยากเดิน เมืองนาระก็มี City loop bus คอยให้บริการ ราคาคนละ 180 yen รถ City loop bus นี้ จะขับเวียนรอบ Nara Park และจอดตามป้ายต่าง ๆ ใกล้ ๆ กับจุดของสถานที่ท่องเที่ยว ดูแผนที่เมืองนาระคร่าว ๆ ตามนี้ค่ะ
รถบัสของเมืองนาระ จะขึ้นทางประตูหน้าและลงทางประตูหลังนะคะ ตรงกันข้ามกับการขึ้นรถบัสในเกียวโตค่ะ
จุดหมายแรกที่ไปก็คือ วัดโทไดจิ (Todaiji) ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ (Daibutsu) ประดิษฐานอยู่
|
ปากทางเข้าวัดโทไดจิ |
|
ก่อนถึงวัดจะผ่านซุ้มประตูใหญ่สร้างจากไม้ชื่อว่า "นันไดมง" (Nandaimon gate) |
|
นักเรียนชั้นประถม ตื่นตากับความยิ่งใหญ่ของเสาประตู |
|
นักเรียน ม.ปลายก็มากัน |
สำหรับเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ วัดโทไดจิจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8.00-16.30 น. ค่าเข้าชมคนละ 500 yen
วัดโทไดจิถูกสร้างขึ้นในปี 752 ซึ่งเป็นยุคที่พระพุทธศาสนามีอิทธิพลต่อการปกครองของญี่ปุ่นมาก ๆ นอกจากชื่อเสียงของพระพุทธรูป Daibutsu แล้ว อาคารที่เป็นที่ประดิษฐานก็โด่งดังไม่แพ้กัน เพราะถือเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
|
ภาพของอาคารไม้หลังใหญ่ในฤดูใบไม้ร่วง |
|
ภาพด้านหน้าตรง เทียบดูแล้วคนเหมือนมดเลย |
|
เมื่อเข้าไปอยู่ใต้ชายคาของวัดโทไดจิ |
|
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ Daibutsu |
|
จุดนึงที่น่าสนใจก็คือรูที่เสาไม้ต้นหนึ่ง ว่ากันว่า มีขนาดเท่ากับรูจมูกของพระ Daibutsu |
|
เชื่อกันว่า ถ้าใครมุดลอดรูนี้ได้สำเร็จ จะได้ตรัสรู้ในชาติหน้า |
ดิฉันขอยืนดูเฉย ๆ ละกัน กลัวไปลองแล้วจะกลายเป็นข่าวใหญ่ ว่ามีหญิงไทยอ้วนติดรูไม้ในวัดโทไดจิ ขณะพยายามมุดลอดเพื่อเป็นศิริมงคล
|
อีกจุดนึงคือ พระพุทธรูปเก่าแก่ที่แกะสลักจากไม้ |
|
เห็นมันเลื่อมขนาดนี้ เพราะคนมีความเชื่อว่า ถ้าเจ็บป่วยตรงไหน ให้ไปลูบที่ส่วนนั้นของพระพุทธรูปแล้วอธิษฐานจิต
ความเจ็บป่วยนั้นจะหายไป |
สถานที่ต่อไป เราจะเดินข้ามสวนนาระ (Nara Park) เพื่อไปยังศาลเจ้าคาสุกะ ไทชะ หรือ ศาลเจ้าแห่งความรัก
ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชะ เป็นบริเวณที่มีศาลเจ้าน้อยใหญ่ตั้งกระจุกตัวอยู่ด้วยกันมากมาย และเหตุที่ถูกเรียกว่าศาลเจ้าแห่งความรัก ก็เพราะว่า หนึ่งในจำนวนศาลเจ้าเหล่านี้ เป็นศาลที่ประดิษฐานของเทพเจ้าเมโอโตะ ไดโคคุชะ (Meoto Daikokusha) หรือเทพเจ้าแห่งการแต่งงาน ซึ่งจะให้โชคในการจับคู่และการแต่งงานนั่นเอง
ศาลเจ้าคาสุกะไทชะ จะเปิดตั้งแต่ 6.30-17.30 ถ้าเดินเล่นรอบนอกจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเข้าชมข้างในก็เสีย 500 yen ค่ะ
วันนี้มีฝนปรอยลงมาเป็นระยะ ๆ อากาศในเมืองนาระดูจะชื้นเป็นพิเศษ
|
เส้นทางร่มครึ้มสู่ ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชะ |
ตลอดทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ถูกอนุรักษ์ไว้ และเหล่าโคมไฟน้อยใหญ่มากมายที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาบริจาค
|
แนวโคมไฟหินที่คนนำมาบริจาคกัน |
|
เดินตามป้ายบอกทางมาซักพักใหญ่ ก็เข้าสู่เขตศาลเจ้าคาสุกะ ไทชะ |
|
มุมสวย..แบบครึ้ม ๆ |
ดิฉันไม่ได้เข้าไปข้างใน ขอเดินดูบรรยากาศรอบนอกก็แล้วกัน ประหยัดตังค์..คริ ๆ
|
ฉ่ำเย็นเหลือเกิน ...ฝนอย่าตกหนักกว่านี้เลยนะ สาธุ! (หญิงไทยขออธิษฐาน) |
|
นอกจากโคมไฟหินแล้ว โคมไฟโลหะที่ห้อยตามหลังคาก็มีด้วย เยอะจริง ๆ... |
|
เจ้าหน้าที่ของศาลเจ้า |
|
ป้ายขอพรทำเป็นรูปหัวใจ สมกับเป็นศาลเจ้าแห่งความรักจริง ๆ |
|
อุ๊ย! น่ารักอ่ะ! |
เดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอหนูน้อยแต่งกิโมโนเต็มยศมาให้ได้ตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มีมาให้เห็นอีกเป็นระยะ ๆ เด็ก ๆ เค้ามาทำอะไรกันน๊า ต้องตามไปดูซะหน่อยแร้ววว
|
หนู 3 ขวบแล้วนะคะ! (เห็นน้องเค้าชู 3 นิ้ว...จะใช่รึเปล่า ?) |
|
น้องสาวคนนี้โตกว่าหน่อย |
|
โอ้ว หนุ่มน้อยแต่งกายตามสมัยนิยม |
|
เจอแล้ว! เด็ก ๆ มากันที่นี่เอง |
|
นั่นไง คุณแม่พาเดินเข้าไปอีกคนนึงแล้ว |
สืบไปสืบมาได้ความว่า วันที่ 15 พฤษจิกายนของทุกปี จะเป็นเทศกาลชิจิโกะซัง (Shichi-go-san) คือวันที่มีการฉลองการเติบโตของเด็กผู้หญิงที่มีอายุ 3,5 และ 7 ขวบ และเด็กผู้ชายที่มีอายุ 5 ขวบ เด็ก ๆ จะได้ใส่ชุดสวย ๆ ตามประเพณีไปศาลเจ้าเพื่ออธิฐานขอพรให้มีสุขภาพดีและอายุยืน
ก่อนที่จะลาจากเมืองนาระท่ามกลางสายฝนพรำ เราได้ไปแวะสถานที่อีกแห่งนึง
|
วัดโคฟุคุจิ (Kofukuji Temple) |
วัดโคฟุคุจิ ก็เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งที่สร้างขึ้นมาคู่กับเมืองนาระ เป็นวัดประจำตระกูลฟูจิวาระ (Fujiwara) ซึ่งเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในสมัยนั้น (ยุคเฮอัน) ตอนที่ไปกำลังอยู่ระหว่างบูรณะ แต่ไหน ๆ ก็เดินผ่านมาแล้ว จึงโฉบเข้าไปช่วยดูงานให้เหล่าวิศวกรซักเล็กน้อย 555
จากนั้นเราก็กลับเกียวโตด้วยรถไฟ JR สาย Nara line แล้วก็หม่ำข้าวเย็นแถวสถานีเกียวโตนั่นเอง
|
ปิดท้ายวันนี้ด้วย เกียวโตทาวเวอร์ยามค่ำ |
No comments:
Post a Comment