Sunday, October 16, 2011

Day 4: Kyoto.. ปราสาทนิโจ ตลาดสดนิชิกิ (เช้า)

วันนี้เป้าหมายแรกคือ ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) โดยการนั่งรถเมล์สาย 101 ตั้งต้นจากสถานีเกียวโต ไปลงที่ ป้าย Nijojo-mae ประมาณ 15-20 นาที
ปราสาทนิโจนิ้สร้างขึ้นในปี 1603 โดยท่านโชกุนคนแรกชื่อว่า โทคุกาว่า อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) และถูกจัดให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO ในปี 1994

จุดเด่นของปราสาทนิโจก็คือ พื้นไม้ที่มีเสียงดังเหมือนนกไนติงเกลเวลาที่มีคนเดินผ่าน หรือที่เรียกว่า Nightingale floor เนื่องจากปราสาทนิโจเป็นทั้งที่พักและที่ออกว่าราชการเวลาท่านโชกุนมาเยือนเกียวโต เจ้าพื้นไม้ที่มีเสียงนกไนติงเกลนี้จึงได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นระบบป้องกันความปลอดภัย ไว้เตือนให้เหล่าทหารซามูไรทั้งหลายไหวตัวทัน เมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามา
นอกจากจะช่วยระวังภัยแล้ว  เสียงพื้นยังฟังไพเราะระรื่นหูเมื่อเทียบกับเสียงอ๊อดแอ๊ดของไม้ทั่วไปทำให้ไม่รบกวนโสตประสาทของบุคคลสำคัญอย่างท่านโชกุน ภูมิปัญญาของคนโบราณนี่ล้ำลึกจริง ๆ

ถึงแม้จะถูกสร้างมาแล้ว 400 กว่าปี แต่เสียงนกน้อยไนติงเกลนั้นก็ยังคงอยู่ หญิงไทยอดมิได้ ต้องหาโอกาสไปพิสูจน์ซักครั้ง ค่าเข้าชม 600 yen เปิดตั้งแต่ 8.45-17.00 ค่ะ


ปราสาทนิโจ ในส่วนที่เรียกว่า Nihonmaru ที่ภายในมีพืันไม้มหัศจรรย์ Nightingale floor
 ไปถึงตั้งแต่เช้า ปราสาทยังไม่เปิด ก็เลยต้องเข้าแถวรอกันอย่างที่เห็น

ก่อนจะถึงตัวปราสาท ต้องผ่านประตูสไตล์จีน ชื่อ Karamon Gate

ริมรั้วของปราสาทนิโจ จะมีป้อมปราการของซามูไรอยู่
นอกจากพื้นไม้ที่มีเสียงนกไนติงเกล ยังมีภาพเขียนโบราณบนเพดานและประตูบานเลื่อนที่สวยงาม แต่เค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านใน ดังนั้น จึงได้ภาพมาให้ดูชมแต่บริเวณรอบนอกนะคะ

มีสวนญี่ปุ่น ประดับด้วยหินเต็มไปหมดเลย

สะพานไม้เชื่อมเข้าสู่ส่วนที่เรียกว่า Honmaru
ฮงมารุ (Honmaru) เป็นอีกส่วนนึงที่เคยเป็นที่พักของท่านโชกุน แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม นอกจากโอกาสสำคัญ ๆ เท่านั้น จึงได้แต่สำรวจบริเวณโดยรอบเช่นเคย
ฮงมารุ  (Honmaru)
ภาพจากหอคอยด้านหนึ่งของปราสาท มองเห็นฮงมารุ และอาคารรอบ ๆ
เมื่อกลับหลังหัน จะเห็นคูน้ำโดยรอบ (อีกหนึ่งมาตรการความปลอดภัย)
นอกจากนี้ ปราสาทนิโจ ยังมีสวนสวยที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ เช่น เมเปิล แปะก๊วย ซากุระ ฯลฯ ให้ท่านโชกุนและครอบครัวได้พักผ่อนหย่อนใจได้ในทุกฤดู เปรียบประหนึ่งอุทยานหลวงของพระธิดาในละครจักร ๆ วงศ์ ช่อง 7 ก็ไม่ปาน

มีธารน้ำตกเล็ก ๆ ด้วย ฟังเสียงน้ำไหลพร้อมกับจิบชาในพิธีชงชา..อืม (คิดเอาเองน่ะค่ะ อิอิ)
ที่นี่ใบไม้ร่วงไปเยอะแล้ว
เหมือนหญิงที่งดงามตามวัย แม้ใบไม้จะร่วงหล่น แต่ก็ได้มุมสวยในอีกแบบนึง

เมื่อพ้นเขตอุทยาน สุดท้ายก่อนกลับ เราได้พบกับเหล่าท่านซามูไร

และเหล่าสนมนางใน (อ่ะ ล้อเล่น...^_^)
หนุ่มสาวชาวเกียวโตใส่ชุดกิโมโนเดินเล่นแบบนี้ มีให้เห็นเรื่อย ๆ ทั่วเมือง น่าร๊ากอ่ะ!

จากปราสาทนิโจ เรายังคงนั่งรถเมล์สาย 101 จากป้าย Nijojo-mae ต่อไปยังป้าย Shijo-mae จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที เพื่อไปยังตลาดสดนิชิกิ (Nishiki Market) ตลาดนี้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่น มีฉายาว่าเป็น "ครัวของเกียวโต" เลยทีเดียว กะว่าจะฝากท้องมื้อเที่ยงไว้ที่นี่ แต่ก่อนอื่นแวะดูซะหน่อยว่าตลาดสดนิชิกินี้เค้าขายอะไรกันบ้าง เหมือนตลาด อตก. บ้านเรารึเปล่า
ลักษณะเป็นซอยแคบ ๆ แบบนี้ล่ะค่ะ
ว้าว นั่น ๆ ขาปูยักษ์รึเปล่า
ผักดองนานาชนิด
ดอกไม้สวย ๆ เยอะเลย
ร้านนี้ท่าทางขายดีแฮะ

เกาลัดญี่ปุ่นแท้ ๆ จ้า
สำรวจกันพอสมควรก็ได้เวลาหม่ำมื้อเที่ยง ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่โซนท่องเที่ยวเด่นดังอีกโซนนึงที่เรียกว่า "เขตกินคะคุจิ (Ginkakuji Area)" ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดกินคะคุจิ หรือ คนไทยเรียกว่า "วัดเงิน" นั่นเอง